โอแอลพีซี:สมองกลเพื่อการเรียนรู้ - Institute of Field roBOtics (FIBO)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • ไทย
    • อังกฤษ

โอแอลพีซี:สมองกลเพื่อการเรียนรู้

logo robot brain

โอแอลพีซี:สมองกลเพื่อการเรียนรู้

ผมได้เคยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการ” เกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์ 100 US$ ไว้เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2549 ว่าก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจสั่งซื้อarticle70-1เครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าว จำนวน “ล้านเครื่อง” ผมขอให้รอผลการศึกษาของทีมที่ผมส่งไปฝังตัวศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังอยู่ที่ ห้องวิจัย Media Lab ของ MIT ประมาณหนึ่งเดือนเต็ม บัดนี้เราเริ่มรู้ข้อมูลชัดขึ้น ผมจึงขอรายงานท่านผู้อ่านตามที่ค้างการบ้านไว้ รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดูจากเว็บฟีโบ้ ้https://www.fibo.kmutt.ac.th

เครื่องคอมพิวเตอร์พกพาราคา 100 เหรียญนี้จัดตั้งขึ้นโดยองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรชื่อ “หนึ่งเยาวชนหนึ่งแล็ปท็อป (One Laptop per Child หรือ OLPC)” ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐเดลาแวร์ (Delaware) ของสหรัฐอเมริกา องค์กรนี้ถูกจัดตั้งโดยบุคลากรจากห้องวิจัย Media Lab ของ MIT เพื่อออกแบบ ผลิต และแจกจ่ายเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาในราคาถูกพอที่จะให้เด็กทุกคนมีโอกาสได้เข้าถึงความรู้และรูปแบบการศึกษาสมัยใหม่ โครงการนี้สร้างขึ้นบนพื้นฐานของทฤษฎีการเรียนรู้ที่เรียกกันว่า Constructionism ซึ่งริเริ่มโดย Seymour Paper และ ถูกพัฒนาต่อโดย Alan Kay รวมทั้งหลักการในหนังสือ Being Digital ที่ Nicholas Negroponte ได้เขียนไว้ บริษัทผู้ร่วมงานและก่อตั้งโครงการ “กุศล” นี้เพื่อเด็กทั่วโลก ได้แก่ บริษัท Advanced Micro Devices (AMD), Brightstar, Google, News Corporation, Nortel, Design Continuum และ Red Hat ศาสตราจารย์ Nicholas Negroponte เป็นประธานของโครงการ โดยมี Mary Lou Jepsen เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี นักวิจัยชั้นนำของโลกที่มีส่วนร่วมในโครงการนี้ได้แก่ Walter Bender Michail Bletsas Mark Foster และ Jim Gettys

article70-2
โครงการนี้มิได้มีจุดประสงค์ไปที่การ “ขาย” คอมพิวเตอร์ราคาถูกอย่างที่หลายท่านเข้าใจ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่มุ่งให้เด็กทั่วโลกใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการ “เรียนรู้” จริงๆ มิใช่มาใช้แทนเครื่องพิมพ์ดีดเช่นปัจจุบัน หากมีการวางแผนและประสานงานที่ดีระหว่าง การสร้างเนื้อหา คุณครูที่ทำหน้าที่เป็น Facilitator และเด็กนักเรียนแล้ว คอมพิวเตอร์นี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้เข้าหาแหล่งความรู้ ทดลอง การเปรียบเทียบผลการศึกษาในกลุ่มเพื่อนๆ ตลอดจนการค้นคว้าร่วมกันเป็นทีมได้ผมเคยถาม ศาสตราจารย์ Nicholas Negroponte ทำไมไม่ร่วมคิดโครงการกับ ยักษ์ใหญ่อินเทล และไมโครซอฟท์ ทั้งๆ ที่ก็รู้จัก คุณ Bill Gates อย่างดี ได้รับคำตอบว่าปรัชญาหลายๆ เรื่องไม่ตรงกัน โครงการ “โอแอลพีซี” มิได้หวังผลทางธุรกิจ จึงไม่เร้าใจในสายตาของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ และบางครั้งเป็นตัวเปรียบเทียบที่สำคัญในเรื่องราคา และสมรรถนะในเชิงการเรียนรู้ของเด็ก

บริษัทควอนต้าคอมพิวเตอร์ (Quanta Computer Inc.) ในไต้หวันได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทพัฒนาต้นแบบสินค้า (ODM) ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาราคา 100 เหรียญ ซึ่งคาดว่าจะผลิตและจัดส่งเครื่องได้ภายในเดือนพฤษภาคมปี 2550 เครื่องเหล่านี้จะขายให้กับภาครัฐและแจกจ่ายให้กับนักเรียนตามโรงเรียนโดยยึดหลักหนึ่งเยาวชนต่อหนึ่งเครื่อง ในเบื้องต้นประเทศที่สนใจเจรจาได้แก่ จีน อินเดีย บราซิล อาร์เจนตินา อียิปต์ ไนจีเรีย นอกจากนั้น เครื่องส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้เพื่อวางรากฐาน สร้างกลุ่มผู้พัฒนาขึ้นในประเทศอื่นๆ ที่จะเข้าร่วมโครงการ

ภาพรวมของ OLPC
* รายละเอียดเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์
เครื่องราคา 100 เหรียญที่นำเสนอนี้ใช้ลินุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการหลัก และหน้าจอแสดงผลจะมีสองโหมด โดยโหมดแรกคือโหมดสี แสดงผลในระดับภาพยนตร์ DVD ได้ และโหมดที่สองเป็นขาวดำสามารถใช้งานได้กลางแสงแดดและมีความละเอียดสูงขึ้นสามเท่า เครื่องนี้จะใช้หน่วยประมวลผลความเร็วประมาณ 366 MHz หน่วยประมวลผลรุ่นนี้ใช้พลังงานเพียง 1 วัตต์เท่านั้น และหน่วยความจำ DDR SDRAM ขนาด 128 MB พร้อมกับหน่วยความจำแฟล็ชขนาด 512 MB เครื่องนี้จะไม่มีฮาร์ดดิสก์ แต่จะมี USB พอร์ทสามพอร์ท เครื่องนี้จะมีอุปกรณ์ต่อเครือข่ายไร้สายเหมือนเครื่องทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันจะสามารถใช้งานในรูปแบบ Mesh network ได้ ซึ่งจะทำให้เครื่องนี้ติดต่อกับเครื่องที่อยู่ใกล้เคียงและสร้างเครื่องข่ายแบบ ad hoc ขึ้นมาได้ เครื่องนี้จะมีระบบจัดการพลังงานที่ล้ำสมัย และสามารถสร้างกระแสไฟโดยใช้มือหมุนหรือการดึงสายชักได้ด้วย มี กล้องความละเอียดที่ 640×480 Pixel แสดงภาพที่ 30 fps รวมทั้งช่องอ่านการ์ดชนิด SD

article70-3

* รายละเอียดเกี่ยวกับซอฟท์แวร์
ระบบปฏิบัติการของ OLPC ที่ทำการพัฒนาขึ้นมานั้นอยู่ภายใต้การสนับสนุนของ Redhat โดยใช้พื้นฐานการพัฒนามาจาก Fedora Core 6 ส่วนสภาพแวดล้อมการทำงานของ เดสก์ท็อปและส่วนการติดต่อกับผู้ใช้แบบใหม่มีชื่อว่า Sugar Environment โดยภาษาหลักที่ใช้ในการพัฒนาคือภาษา Python เครื่องจะมาพร้อมกับโปรแกรมที่สามารถเรียกใช้งานได้ซึ่งเรียกว่า Activities ซึ่งเน้นให้เด็กสามารถสร้างเนื้อหา ทำรายงาน และร่วมแชร์ข้อมูลร่วมกันกับเด็กคนอื่นที่ต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ร่วมกัน ซึ่งส่วนหนึ่งจะติดตั้งมาเป็นโปรแกรมพื้นฐานสำหรับการใช้งาน เช่น การสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต การวาดภาพร่วมกัน การใช้งานประเภท Word Processing และอ่านเอกสารประเภท Acrobat รวมทั้ง Actitivities ที่เกี่ยวข้องกับดนตรี และมีส่วนที่ประเทศผู้ใช้งานสามารถทำการสร้างและติดตั้งเองในภายหลังได้

สำหรับประเทศไทย ทีมงาน OLPC ได้ทำการพัฒนาส่วนรองรับการทำงานกับระบบภาษาไทยให้สามารถทำงานเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการที่ได้พัฒนาขึ้นนี้ และมีส่วนของการรับข้อมูล และการวางผังสำหรับคีย์บอร์ดภาษาไทยที่ถูกต้องตรงตามมาตรฐาน TSI 820/2538 ด้วยและสามารถแสดงผลภาษาไทยได้เช่นกัน

หัวข้อที่ควรพิจารณาเกี่ยวกับการใช้งาน OLPC ในประเทศไทย

จุดมุ่งหมายหลักของการพัฒนา OLPC นั้นเพื่อสร้างโอกาสให้เด็กนักเรียนที่ขาดโอกาสในการใช้เครื่องมืออันทันสมัย ได้มีเครื่องมือทางการศึกษาในการแสวงหาความรู้ และสร้างปัญญา ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับแนวการเรียนที่ให้เด็กผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและการเรียนแบบ Constructionism ได้

* ความเหมาะสมทางด้านฮาร์ดแวร์
ถึงแม้ความเร็วของหน่วยประมวลจะมีความเร็วที่ต่ำเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ทั่วไปในท้องตลาดปัจจุบันทั้งๆที่ส่วนใหญ่เราไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ได้เต็มประสิทธิภาพที่ควรจะเป็น แต่สำหรับ OLPC นั้นเราจะได้สิ่งชดเชยในเรื่องการประหยัดพลังงาน ในราคาที่ต่ำของแล็ปท็อปนั้นมีส่วนอินพุทติดต่อหลายส่วนเช่นพอร์ต USB 3 ช่อง กล้องวีดีโอ ทัชแพด (Touchpad) ที่เราสามารถใช้ควบคุมเคอร์เซอร์แทนเมาส์หรือเขียน/วาดรูปลงบนทัชแพด ได้มีการวางผังสำหรับคีย์บอร์ดภาษาไทยที่ถูกต้องตรงตามมาตรฐาน TSI 820/2538 สำหรับ OLPC นอกจากนี้เราสามารถป้อนสัญญาณไฟฟ้าที่ได้จากตัวตรวจวัดที่วัดปริมาณแสง เสียง เป็นต้นเข้าทางช่องไมค์ของแล็ปท็อปได้อีกด้วย ส่วนเอาท์พุทของ OLPC นั้นมีจอภาพขนาด 7.5 นิ้วที่พัฒนาขึ้นมาพิเศษทำให้สามารถดูการแสดงผลกลางแสงแดดได้ มีลำโพงพร้อมสัญญาณเสียงแบบสเตอริโอ การเชื่อมต่อแบบเครือข่ายไร้สายแบบ Mesh Network ทำให้ผู้ใช้สามารถส่งไฟล์ คุยกันผ่านไมค์และกล้องวีดีโอ รวมทั้งทำกิจกรรมร่วมกันผ่านเครือข่ายโดยไม่จำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์แม่ข่ายได้

* ความเหมาะสมทางด้านซอฟท์แวร์
ถึงแม้ระบบปฏิบัติการของ OLPC จะไม่ใช่ไมโครซอฟท์ แต่ก็ได้มีการพัฒนาส่วนติดต่อกับผู้ใช้ชื่อ Sugar Environment โดยใช้ภาษา Python ที่ทำให้ใช้งานได้ง่ายและใช้ทรัพยากรได้เหมาะสมกับความเร็วของส่วนประมวลผลกลาง ทางทีมพัฒนา OLPC ของประเทศไทยได้มีการพัฒนาทำให้ OLPC สามารถรับการป้อนและแสดงผลด้วยภาษาไทยได้ ดังนั้นเราสามารถใช้เว็บบราวเซอร์ เปิดไฟล์พีดีเอฟ ทำงานเอกสาร ฝึกเขียนโปรแกรม ประพันธ์เพลง ส่งอีเมล์ เป็นต้นได้ ซึ่งเราสามารถพัฒนาโปรแกรมการใช้งานหรือที่เรียกว่า Activities ที่เน้นให้เด็กสามารถสร้างความรู้ (Creation) และร่วมทำงานกับผู้อื่น (Collaboration) เพิ่มขึ้นได้ตามความต้องการ เนื่องจากการพัฒนาเป็นแบบโอเพนซอร์สดังนั้นเราสามารถร่วมพัฒนากับนักพัฒนาจากประเทศต่างๆได้อีกด้วย

       * ความเหมาะสมทางด้านเนื้อหาและกิจกรรม
เราสามารถใช้ OLPC เป็นเครื่องมือทางด้านการศึกษากับการเรียนรู้ในปัจจุบันตามแบบของกระทรวงศึกษาได้ เช่นการใช้ทำเอกสารรายงาน การสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต การทำรายงาน การส่งอีเมล์ส่งงาน การฝึกเขียนโปรแกรมหรือแม้กระทั่งประพันธ์เพลง นอกจากนี้ความสามารถเกียวกับ Mesh Network ของ OLPC นั้นเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Constructionism ที่เน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และส่งเสริมการทำงานร่วมกัน ยกตัวอย่างถ้าให้เด็กนำแล็ปท็อปออกไปสำรวจสมุนไพรประจำท้องถิ่น พวกเขาสามารถใช้กล้องถ่ายภาพตัวอย่าง จดบันทึกโดยการเขียนหรือวาดไปบนทัชแพด แชร์ข้อมูลถึงกันด้วย Mesh Network สัมภาษณ์ชาวบ้านด้วยไมค์ ร่วมกันทำรายงานนำเสนอ แล้วส่งไฟล์ผ่านทางอีเมล์ เป็นต้น* การกำหนดนโยบายและแผนการจัดการเกี่ยวกับ OLPC
OLPC เป็นเพียงเครื่องมือทางด้านการศึกษา และมันจะไม่มีคุณค่าเลยถ้าขาดการวางแผนจัดการที่ดี เพราะก่อนจะจัดซื้อและส่งแจกจ่ายให้โรงเรียนทั่วประเทศก็ควรมีการเตรียมความพร้อมและทดสอบกับโรงเรียนนำร่องเพื่อดูผลกระทบต่างๆทั้งทางด้านพฤติกรรมส่วนบุคคล ทางด้านสังคม จิตวิทยา กิจกรรมการเรียนรู้ การใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด หัวข้อดังต่อไปนี้เป็นสิ่งที่มีการเตรียมก่อนการจัดซื้อและแจกจ่ายใช้งาน OLPC

o การแจกจ่าย
o การอบรมการใช้งาน
* ด้านฮาร์ดแวร์
* ด้านซอฟท์แวร์
* ด้านกิจกรรมการเรียนรู้
* ด้านการประเมินผล
o การซ่อมบำรุงรักษา OLPC
o การพัฒนาต่อยอดการใช้งาน OLPC
* การเตรียมบุคลากรเพื่อพัฒนาการใช้งาน OLPC
* กระบวนการเตรียมความพร้อมก่อนการแจกจ่าย OLPC
o เตรียมโรงเรียนนำร่อง
o การอบรมโรงเรียนที่ได้รับ OLPC
* กระบวนการเตรียมความพร้อมหลังการแจกจ่าย OLPC
o การอบรมเพิ่มเติมแก่โรงเรียนที่ได้รับ OLPC
o การซ่อมบำรุงด้านฮาร์ดแวร์
o การซ่อมบำรุงด้านซอฟท์แวร์
* กิจกรรมเพื่อส่งเสริมการพัฒนา OLPC
o การจัดทำเนียบผู้ใช้งาน OLPC
o การจัดศูนย์ให้ข้อมูลและคำปรึกษาเกี่ยวกับ OLPC
o การส่งเสริมการกระตุ้นการใช้งาน OLPC ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
* การจัดประกวดการพัฒนาและประยุกต์ใช้งาน OLPC
o การวัดผลการใช้งาน OLPC

รัฐบาลก่อนจะเดินหน้าเรื่องนี้เต็มพิกัดเลย ผมอดเป็นห่วงไม่ได้เกรงว่าเราจะไม่พร้อมเพราะไม่รู้จริง ผมจึงต้ดสินใจตั้งทีมศึกษาและบุกเข้าไปที่ “ถ้ำเสือ” ถึงเอ็มไอที ไปดูให้ถึงบทที่ 10 ให้ได้ ผมเองโดนหน้าปกหนังสือหลอกอยู่ประจำ แต่เมื่อมาได้ยินว่ารัฐบาลนี้จะยกเลิกโครงการนี้เสียแล้ว ก็รู้สึกเสียดายแทนเด็กไทยที่พลาดโอกาสใช้เครื่องมือนี้เหมือนกับเด็กชาติอื่นทั้งๆที่ศักยภาพเด็กไทยไม่ด้อยกว่าใคร ประเทศไทยไม่ได้ร่ำรวยจะลงทุนอะไรต้องคิดให้ละเอียด ผมจึงเห็นว่าเราควรเข้าร่วมโครงการอย่าง “สายกลาง”เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กไทยให้รู้ทันเพื่อนๆเขาชาติอื่นทำอะไรกันอยู่ ช่วงนี้เราจึงควรซุ่มวางแผนเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้าน เนื้อหา การจัดการ ครู นักเรียน การต่อยอดทางเทคโนโลยี แล้วไปเข้าตอนรุ่นสองก็ได้

การรีบกระโดดขึ้นรถเมล์ทันทีโดยขาดการเตรียมตัวที่ดีอาจจะฉุกละหุกเกินไปจนเกิดอันตรายได้ ในขณะเดียวกันการไม่ชำเลืองดูว่ามีรถคันไหนเหมาะสมบ้าง เราอาจจะต้องเดินเท้าตลอดไปตามคนอื่นเขาไม่ทันก็ได้ครับ
——————————————————————————————
ข้อมูลจำเพาะของผู้เขียน

djitt2

ดร. ชิต เหล่าวัฒนา จบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ (เกียรตินิยม) จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี ไดัรับทุนมอนบูโช รัฐบาลญี่ปุ่นไปศึกษาและทำวิจัยด้านหุ่นยนต์ที่มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนฟุลไบรท์ และจากบริษัท AT&T ได้รับประกาศนียบัตรด้านการจัดการเทคโนโลยีจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งมลรัฐแมสซาชูเซสต์ (เอ็มไอที) สหรัฐอเมริกา
ภายหลังจบการศึกษา ดร. ชิต ได้กลับมาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี และเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม หรือที่คนทั่วไปรู้จักในนาม “ฟีโบ้ (FIBO)” เป็นหน่วยงานหนึ่งในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี เพื่อทำงานวิจัยพื้นฐาน และประยุกต์ด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ตลอดจนให้คำปรึกษาหน่วยงานรัฐบาล เอกชน และบริษัทข้ามชาติ (Multi-national companies) ในประเทศไทยด้านการลงทุนทางเทคโนโลยี  การใช้งานเทคโนโลยีอัตโนมัติชั้นสูง และการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

 

 

Categories: บทความของ ดร. ชิต เหล่าวัฒนา