อุตสาหกรรมวิจัย:ฮาร์ดดิสค์ - Institute of Field roBOtics (FIBO)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • ไทย
    • อังกฤษ

อุตสาหกรรมวิจัย:ฮาร์ดดิสค์

logo robot brain

อุตสาหกรรมวิจัย:ฮาร์ดดิสค์

วันวาน ผมไปเชียร์นักศึกษาแข่งขันหุ่นยนต์ “TPA โรบอตคอนเทสต์ชิงแชมป์ประเทศไทย” รอบชิงชนะเลิศระดับมหาวิทยาลัยระหว่างทีมจากม.ธุรกิจบัณฑิตย์และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เกมการแข่งขันตื่นเต้นมากรวมทั้งกองเชียร์ที่ออกแรงเชียร์กันสุดเหวี่ยง

สิ่งที่ผมประทับใจมากคือได้ประจักษ์ความมีน้ำใจนักกีฬาของเยาวชนไทย เมื่อทีมจากม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ได้รับชัยชนะแล้ว ทั้งผู้แข่งขันและกองเชียร์ของคู่ต่อสู้ต่างส่งเสียงแสดงความยินดี และนี่คือธรรมเนียมการแข่งขันของเด็กไทย พวกเขาจะร่วมมือกันช่วยเหลือทีมตัวแทนไทยให้ไปนำชัยชนะในสนามนานาชาติ ผมเชื่อว่าเยาวชนเก่งๆเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญของชาติเพื่อไปวิจัยพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีซับซ้อนและต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมเวิร์ค เช่น อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์

ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์มีแนวโน้มที่จะถูกพัฒนาให้เล็กลง หรือสามารถเก็บข้อมูลให้ได้มากขึ้นนั้น จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่มีความแม่นยำมากขึ้น และเป็นเทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมวิจัยด้านฮาร์ดดิสก์ในประเทศไทย มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีหลัก 4 ด้านที่จำเป็นและจะช่วยให้ไปสู่การผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญและการออกแบบ ได้แก่ เทคโนโลยีด้านเครื่องจักรกลอัตโนมัติ (Automation) เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Electrostatic Discharge (ESD) เทคโนโลยีด้านการออกแบบและการจำลอง (Design and Simulation Software) เทคโนโลยีด้านวัสดุและการตรวจวัดความแม่นยำ

การสนับสนุนด้านทุนวิจัยเพื่อให้เกิดงานวิจัย พัฒนา และวิศวกรรมร่วมกันระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐ โดยรัฐให้การสนับสนุนบางส่วนร่วมกับการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมอีกประมาณ 30% เพื่อจัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ และโครงสร้างพื้นฐานต่าง รวมไปถึงการเป็นแกนกลางในการเริ่มต้นจัดตั้งเครือข่ายการวิจัย พัฒนา และวิศวกรรมร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน หน่วยวิจัยอิสระ และมหาวิทยาลัย เพื่อสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนาเพื่อไปสู่การผลิตในอุตสาหกรรมต้นน้ำ หรือการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยแยกออกเป็น 4 ด้านได้แก่เทคโนโลยีด้านการออกแบบและการจำลอง เทคโนโลยีด้านวัสดุและการตรวจวัดความแม่นยำ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Electrostatic Discharge (ESD) เทคโนโลยีด้านเครื่องจักรกลอัตโนมัติ
       มีความเห็นจากท่านผู้อ่านบทความสัปดาห์ที่แล้วว่าการที่รัฐบาลสนับสนุนโครงการนี้แล้วจะคุ้มหรือไม่นั้น ผมเห็นว่านอกจากช่วยรักษาฐานอุตสาหกรรมการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรพ์และขยายการลงทุนไปสู่ Wafer Fabrication ในประเทศไทยแล้ว ยังมีผลกระทบเชิงบวกด้านการพัฒนาบุคลากรทางเทคนิคและความสามารถทางเทคโนโลยีจะทำให้ไทยมีองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยีการวัด เทคโนโลยีด้านแผ่นเก็บข้อมูล รวมไปถึงเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต เทคโนโลยีด้านเวเฟอร์และหัวอ่าน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อการผลิตในอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เท่านั้น แต่ยังจะทำให้เกิด Spill over effect ทางเทคโนโลยีไปสู่อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในอนาคต กล่าวคือ

1.เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถประยุกต์ไปใช้การพัฒนา nano-technology 2. บุคลากรที่ผ่านการอบรมทางเทคนิคหรือเทคโนโลยีกับเครื่องมือเหล่านี้จะมีความรู้ทางเทคนิคขั้นสูง ซึ่งสามารถใช้ทักษะทั้งในด้านการควบคุมการผลิตและการวิเคราะห์ปัญหาในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งจะในที่สุดไทยจะเป็นแหล่งบุคลากรที่มีความรู้ขั้นสูงในอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ของโลก ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดที่สำคัญในการช่วยขยายฐานการพัฒนาเทคโนโลยีไปสู่อุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งในที่สุดจะทำให้ไทยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและช่วยให้ไทยเป็นผู้นำในเทคโนโลยีด้านนี้ในอนาคต การขยายตัวของอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะส่งผลให้ความต้องการแรงงานและการจ้างงานสูงขึ้นด้วย โดยคาดว่าจะมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมนี้ถึง 150,000 คนในปี 2554

นอกจากนั้นรายได้ของแรงงานจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากทำงานในอุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้และทักษะมากขึ้น อันทำให้แรงงานไทยกินอยู่อย่างพอเพียงขึ้นและช่วยลดปัญหาทางสังคมหลายประการ นอกจากนั้นการผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะช่วยลดปัญหามลพิษ และที่สำคัญคือการไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้และเทคโนโลยีจะช่วยให้ประเทศไทยก้าวไปสู่สังคมฐานความรู้ เช่นประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ ต่อไป

จริงอยู่ประเทศไทยมิใช่ต้นคิดด้านเทคโนโลยี แต่เรามีเยาวชนไทยที่เก่ง ผมจึงหวังว่า เราต้องอดทน เพียร ขยัน ทำงานให้หนัก เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

เมื่อทฤษฎีถูกต้อง ความเพียรเป็นหนึ่ง พรสวรรค์นั้นเป็นรอง

——————————————————————————————
ข้อมูลจำเพาะของผู้เขียน

djitt2

ดร. ชิต เหล่าวัฒนา จบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ (เกียรตินิยม) จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี ไดัรับทุนมอนบูโช รัฐบาลญี่ปุ่นไปศึกษาและทำวิจัยด้านหุ่นยนต์ที่มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนฟุลไบรท์ และจากบริษัท AT&T ได้รับประกาศนียบัตรด้านการจัดการเทคโนโลยีจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งมลรัฐแมสซาชูเซสต์ (เอ็มไอที) สหรัฐอเมริกา

 
ภายหลังจบการศึกษา ดร. ชิต ได้กลับมาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี และเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม หรือที่คนทั่วไปรู้จักในนาม “ฟีโบ้ (FIBO)” เป็นหน่วยงานหนึ่งในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี เพื่อทำงานวิจัยพื้นฐาน และประยุกต์ด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ตลอดจนให้คำปรึกษาหน่วยงานรัฐบาล เอกชน และบริษัทข้ามชาติ (Multi-national companies) ในประเทศไทยด้านการลงทุนทางเทคโนโลยี  การใช้งานเทคโนโลยีอัตโนมัติชั้นสูง และการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

 

Categories: บทความของ ดร. ชิต เหล่าวัฒนา