ยุทธศาสตร์หุ่นยนต์ไทย(จบ) - Institute of Field roBOtics (FIBO)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • ไทย
    • อังกฤษ

ยุทธศาสตร์หุ่นยนต์ไทย(จบ)

logo robot brain

ยุทธศาสตร์หุ่นยนต์ไทย(จบ)

 2.ด้านการศึกษาและการเรียนรู้
มีการใช้เครื่องมือด้านหุ่นยนต์ เพื่อการเรียนรู้แบบConstructionism ของเด็กเล็กระดับประถมเช่น ร.ร.ดรุณสิกขาลัย โรงเรียนนี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิศึกษาพัฒน์ ในการทำงานร่วมกับ Media Lab, จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งมลรัฐแมสซาชูเซตส์
106

การเรียนรู้ที่ปะปนกับการแข่งขันหุ่นยนต์เกิดขึ้นที่ไทยกว่า 10 ปี เราประสบความสำเร็จอย่างสูง ถ้าเทียบเกรดแล้วน่าจะได้ A เช่น
-การแข่งขัน TPA Robo Con ภายใต้การบุกเบิกของท่านอาจารย์กฤษดา วิศวธีรานนท์ สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) ต่อมาพัฒนาเป็น ABU Robot Contest ระดับภูมิภาคเอเชีย เด็กไทยสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศถึง 3 ครั้ง
สมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทยดำเนินการแข่งขัน:
-Partner Robot Contest และ Intelligent Robot Content ในงาน Robofesta 2002 เด็กไทยก็ได้รับรางวัลชนะเลิศเช่นกัน
-Rescue Robot Contest ที่เป็นข่าวใหญ่โตล่าสุด เด็กไทยจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือเป็นแชมป์โลกถึงสองปีซ้อน
-Robo Soccer จัดดำเนินการแข่งขันหุ่นยนต์ที่ยากที่สุดในโลกเนื่องจากต้องใช้ความรู้ระดับงานวิจัยชั้นสูง ปีนี้เด็กไทยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาเป็นอันดับสอง แพ้แชมป์โลกจากม.คาร์เนกี้เมลลอนแบบเฉียดฉิว เราเพิ่งไปแข่งมาสามรอบเท่านั้น แต่สามารถหายใจรดต้นคอ มหาวิทยาลัยที่เป็นตักศิลาด้านหุ่นยนต์ของโลกปัจจุบัน

สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนามฟีโบ้ได้รับเชิญให้จัดสร้างหุ่นยนต์แข่งขันในระดับ Humanoid ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในการแข่งขัน ในปีแรกนี้เด็กไทยสามารถเข้าสู่รอบแปดทีมสุดท้ายได้นับเป็นความภาคภูมิใจเพราะงบประมาณของหุ่นยนต์ไทย :Jaidee มีเพียง 200,000 บาท ขณะที่หุ่นยนต์แชมป์เปี้ยนของญี่ปุ่นมีงบประมาณ 20 เท่าตัวซึ่งสูงถึง 4,500,000 บาท ส่วนปีที่สองและสาม ทีมเด็กไทยได้รับอันดับที่สี่

ทางด้านโปรแกรมการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
ระดับปริญญาตรี มีหลักสูตรทางด้าน Mechatronics เปิดสอนตามคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งเนื้อหาจะครอบคลุมทางด้านหุ่นยนต์ด้วย
ระดับปริญญาโท มีการทำงานวิจัย ด้านหุ่นยนต์ผ่านภาควิชา วิศวกรรม เครื่องกล อุตสาหการ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ที่เป็นเฉพาะทางจริง ๆ คือ คณะเทคโนโลยีชั้นสูงของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย และ โปรแกรมปริญญาโทด้านหุ่นยนต์และวิศวกรรมอัตโนมัติ ของสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนามฟีโบ้ ซึ่งโปรแกรมกำลังขยายออกไปจนถึงระดับปริญญาเอกภายในปี พ.ศ.2551 หากภาครัฐและเอกชนเห็นความจำเป็น

3. ด้านอุตสาหกกรรม
ปัจจุบันไทย มีหุ่นยนต์อุตสาหกรรม (แขนกล) ใช้ในอุตสาหกรรม รถยนต์ และ อิเล็กทรอนิกส์-ฮาร์ดดิสก์ ประมาณ 3,000 – 4,000 ตัว ซึ่งทั้งหมดนำเข้าจากต่างประเทศ

หุ่นยนต์อุตสาหกรรม เฉพาะทางหากนำเข้าจะมีราคาแพงมาก ทางสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนามฟีโบ้ ได้ร่วมมือกับอุตสาหกรรมไทยสร้างหุ่นยนต์ขนาดใหม่ (30 ตัน) ใช้ในสายการผลิตเหล็กรูปพรรณ และ หุ่นยนต์หยิบยางแท่ง (10 ตัน) นอกจากนี้สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนามฟีโบ้ได้ออกแบบ และ จัดสร้างหุ่นยนต์อุตสาหกรรมต้นแบบ ให้บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อให้บริษัทไปผลิตเองอีก 100 ตัว ใช้ในโรงงาน และ ขยายออกไปในเชิงการค้า ซึ่งอาจถือได้ว่า เป็นหุ่นยนต์อุตสาหกรรมสายพันธุ์ไทยตัวแรก

ในปัจจุบันประเทศไทยมีบริษัทขนาดเล็ก (SME) ที่มีความสามารถในการออกแบบ และ บูรณาการเทคโนโลยีหุ่นยนต์ อยู่ประมาณ 20 บริษัท ความสามารถเชิงเทคนิคยังห่างไกลจากการเป็นอุตสาหกรรมสนับสนุนด้าน Robotics and Automation

106-1

บทสรุปด้านยุทธศาสตร์ที่จำเป็น
กรอบความคิดมาจากศักยภาพและความจริงต่อไปนี้
ก. กิจกรรมประเภท 1 และ ประเภท 2 เกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์

ความสามารถของเยาวชนไทยมิได้ต่ำกว่าเยาวชนชาติอื่น ในบางเรื่อง ยังสูงกว่า หากได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่อย่างเพียงพอและ ถูกต้อง อนาคตประเทศไทยย่อมก้าวจากผู้ใช้และผู้ดัดแปลงเทคโนโลยี สู่ผู้ออกแบบและคิดค้นเทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้อย่างแน่นอน ผมประเมินจำนวนศิษย์เก่าที่ร่วมการแข่งขันหุ่นยนต์ต่างๆตลอด 15 ปี ที่ผมเกี่ยวข้องด้วย น่าจะมีมากกว่า 500,000 คน ครับ

ยุทธศาสตร์ ส่งเสริมสนับสนุน เชิดชู น้องๆเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง อย่าให้เป็นเพียงเทวดาตกสวรรค์เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์หลังได้เป็นแชมป์มา อีกประการหนึ่งผมจะได้ยินอยู่ทุกปีว่า น้องเหล่านี้ต้องควักเงินค่าขนมตนเองเพื่อมาเป็นทุนสร้างหุ่นยนต์ แต่ละวิทยาลัย มหาวิทยาลัยควรมีงบประมาณจัดสรรไว้เพื่อกิจกรรมนี้อย่างชัดเจน ผู้บริหารหน่วยงานควรสนับสนุนตั้งแต่วันแรกที่เริ่มสร้างหุ่นยนต์ เด็กๆจะประทับใจมากขึ้นไปอีก เพิ่มเติมจากที่มายินดีด้วยเมื่อได้รับชัยชนะ

ข. กิจกรรมประเภท 3 (อุตสาหกรรม) ไทยล้าหลังประเทศก้าวหน้าอยู่ประมาณ 10-15 ปี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภาพเชิงอุตสาหกรรมโดยตรง อุตสาหกรรมของไทยจะสู้กับประเทศที่เป็นเจ้าของ เทคโนโลยีการผลิตได้ลำบากมาก จึงจำเป็นที่ เราต้องเพิ่มความสามารถประยุกต์ให้ใช้เทคโนโลยีที่คิดค้นเอง ในอุตสาหกรรมไทยให้มากขึ้น

ยุทธศาสตร์ รัฐบาลวางแผน “แตก-หัก” 5 ปี สร้าง 10 สถาบันวิจัย แข่งขันกับสิงคโปร์และมาเลเซีย สถาบันเหล่านี้มีลักษณะการทำงานแบบแบบถึงลูกถึงคนเช่นเดียวกันกับ ฟีโบ้หรือดีกว่า ตั้งอยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรม ด้วยการร่วมมือกับสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทยและมหาวิทยาลัยต่างๆ งบประมาณ 50-100 ล้านบาทต่อหนึ่งสถาบันวิจัย โดยต้องกำกับตัวชี้วัดสมรรถนะ KPI ให้สร้างมูลค่างานวิจัยได้อย่างน้อย 10 เท่าตัว ภายในรยะเวลาที่ได้รับทุนสนับสนุนส่งเสริม

ค. รัฐบาลเป็นผู้นำสร้างกลไกความร่วมมือระหว่าง รัฐ อุตสาหกรรม และมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างโจทย์ที่มีความหมายต่อการพัฒนาชาติไทย โจทย์ดังกล่าวต้องมีความสมดุลย์ระหว่าง กิจกรรม 1 + 2 และ กิจกรรม 3 จนนำไปสู่การทำให้นักเทคโนโลยีไทยสามารถ คิดเอง สร้างได้และใช้ดี และนักเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถสร้างกิจการของตนเองได้ยุทธศาสตร์ บีโอไอส่งเสริมและ “สร้าง” บริษัทสายพันธุ์ไทยเหล่านี้ให้เป็นอุตสาหกรรมสนับสนุนด้าน Robotics and Automation อย่างน้อย 150 บริษัท
โจทย์แบบไทยๆที่น่าสนใจหัวข้อหนึ่งคือการสร้างหุ่นยนต์ที่มาจัดการกับสารพิษและมลภาวะ หรือแม้กระทั่งการสร้างกลไกหุ่นยนต์อย่างง่ายๆมาช่วยเก็บขยะตามชายหาดของไทย เราต้องทำงานให้หนัก ประหยัดให้มาก คิดหาคำตอบต่อปัญหาของเราเอง หลายท่านชมชอบไปจ้างญี่ปุ่นหรือฝรั่งมาทำให้เพราะคิดหรือว่าเขาจะเก่งกว่าเรา ผมไม่ค่อยเชื่อเช่นนั้นครับ

ผมคิดมาได้เท่านี้เองก็หมดเนื้อที่แล้ว ขอวิงวอนให้ท่านผู้อ่านช่วยคิดให้ความเห็นเพิ่มเติมด้วยครับ ผมจะรวบรวมข้อเสนอแนะต่างๆส่งให้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อไป

 

——————————————————————————————
ข้อมูลจำเพาะของผู้เขียน

djitt2

ดร. ชิต เหล่าวัฒนา จบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ (เกียรตินิยม) จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี ไดัรับทุนมอนบูโช รัฐบาลญี่ปุ่นไปศึกษาและทำวิจัยด้านหุ่นยนต์ที่มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนฟุลไบรท์ และจากบริษัท AT&T ได้รับประกาศนียบัตรด้านการจัดการเทคโนโลยีจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งมลรัฐแมสซาชูเซสต์ (เอ็มไอที) สหรัฐอเมริกา
ภายหลังจบการศึกษา ดร. ชิต ได้กลับมาเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี และเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม หรือที่คนทั่วไปรู้จักในนาม “ฟีโบ้ (FIBO)” เป็นหน่วยงานหนึ่งในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี เพื่อทำงานวิจัยพื้นฐาน และประยุกต์ด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ตลอดจนให้คำปรึกษาหน่วยงานรัฐบาล เอกชน และบริษัทข้ามชาติ (Multi-national companies) ในประเทศไทยด้านการลงทุนทางเทคโนโลยี  การใช้งานเทคโนโลยีอัตโนมัติชั้นสูง และการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

 

Categories: บทความของ ดร. ชิต เหล่าวัฒนา