จินตนาการเด็กออกแบบหุ่นยนต์ - Institute of Field roBOtics (FIBO)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • ไทย
    • อังกฤษ

จินตนาการเด็กออกแบบหุ่นยนต์

logo robot brain

จินตนาการเด็กออกแบบหุ่นยนต์

article185-1

 

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปทำหน้าที่หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินรายการ “Honda Asimo Super Idea Contest-พลังฝันสู่สิ่งประดิษฐ์ในอนาคต”  ซึ่งเป็นกิจกรรมดีๆที่ บริษัทรถยนต์ชั้นนำฮอนด้าให้การสนับสนุนมาตลอด ปีนี้เป็นปีที่ 5 แล้วครับ มีน้องๆเข้าร่วมส่งโครงการถึงกว่า 35,000 ผลงาน โดยผ่านเข้ารอบสุดท้ายเพียง 30 ผลงาน แบ่งระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 อย่างละ 15 ผลงาน ผู้ชนะเลิศในแต่ละระดับ จะได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และได้นำผลงานไปประกวดที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยครับ

ผลงานที่เข้ารอบสุดท้ายมีเพียง 1 ใน 1000 ของผู้สมัคร แน่นอนที่สุดว่าไม่ธรรมดา และสร้างความลำบากใจต่อคณะกรรมการตัดสินอย่างยิ่ง เกณฑ์การให้คะแนนแบ่งเป็นสามกลุ่มคือ จินตนาการ (ไอเดีย) แบบจำลองหรือโมเดล และการนำเสนอผลงาน  ผมเองนั้นจะเน้นเรื่องของจินตนาการโดยการพิจารณาไปถึงความคิดที่ไม่ซ้ำแบบใครมีความแปลกใหม่ ประโยชน์ของผลงาน ความเป็นไปจริงในอนาคต และผลงานที่ออกมาควรสอดคล้องกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข

จินตนาการและความมานะพยายามเป็นของคู่กัน  ความมานะพยายามของชนชาติญี่ปุ่นทำให้สามารถพัฒนาอุปกรณ์ตามความฝันของตนสำเร็จมาแล้วหลายชิ้นงาน ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ “อาซิโม” ที่นักวิชาการหุ่นยนต์ทั่วโลกไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นจริงได้ในทศวรรษนี้  ผมเองสมัยศึกษาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น (พ.ศ. 2529) เคยเห็นภาพเขียนอายุประมาณ 100 กว่าปี แสดงถึงจินตนาการของบรรพบุรุษแดนอาทิตย์อุทัยนี้เป็น สะพานไม้ไผ่ยาว 30 กิโลเมตร เชื่อมต่อเกาะใหญ่สองเกาะคือ เกาะฮอนชูและเกาะชิโกกุ สะพานนี้เป็นจริงแล้วเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา แต่สร้างด้วยเหล็กและคอนกรีต  พลังจินตนาการนั้นเป็นส่วนสำคัญในสังคมญี่ปุ่น  ผู้ใหญ่ญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจต่อจินตนาการของเด็กๆค่อนข้างมาก และมีข้อสังเกตุว่าเด็กของประเทศเขาจะมีจินตนาการส่วนใหญ่ที่เหลือเชื่อและค่อนข้างจับต้องไม่ได้ เช่น อยากสร้างระบบเติมสีสันให้กับปุยเมฆ เป็นต้น  เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผลงานของเด็กไทยจะเป็นรูปธรรมมากกว่า และแสดงความมุ่งมั่นที่ต้องการแก้ไขปัญหารอบตัวที่ประสบอยู่ อาทิเช่นในงาน“Honda Asimo Super Idea Contest-พลังฝันสู่สิ่งประดิษฐ์ในอนาคต”  มีผลงาน บอลลูนพิทักษ์อากาศ  ไม้เท้าผู้พิทักษ์คุณตาคุณยายจากโจรผู้ร้าย  หุ่นยนต์ทำลายไข้หวัด 2009  แปรงฟันเตือนภัย (โรคฟันผุ) เป็นต้น  ผมติดใจผลงานชนะเลิศระดับประถมศึกษา 4-6  “หุ่นยนต์เลิกบุหรี่” ของ เด็กหญิงพีร สัตย์เพริศพราย ที่เข้ากับบรรยากาศการต่อต้านการจัดงานเอ็กซ์โปบุหรี่ในประเทศไทย  เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้มีลักษณะคล้ายแมลงวันตัวใหญ่  กรรมการหลายท่านมีความเห็นว่าไม่จำเป็นต้องตั้งชื่อเป็นหุ่นยนต์ แต่ผมแอบชื่นชมน้องพีรในใจว่า อายุเพียงหกขวบสามารถมีจินตาการสร้างกลไกที่มีฟังชั่นครบสามอย่างที่เป็นคุณลักษณะของหุ่นยนต์ นั่นคือ การรับรู้ (Perception) การคิดและตีความ(Cognition) และการเคลื่อนไหว (Motion and Mobility)  น้องพีรเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงอันตรายของบุหรี่ต่อคนสูบและคนรอบข้างและค่าใชจ่ายของสังคมที่ต้องเสียไปกับการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ สิงห์อมควันได้มายินเด็กน้อยคนนี้คงสำลักควันแน่ครับ เธอบอกว่าที่จมูกหุ่นยนต์มีเซนเซอร์ตรวจจับควันบุหรี่ เมื่อตรวจเจอก็จะบิน (โดยใช้ระบบมองเห็น: Robot Vision) ไปใกล้แล้วไปพ่นน้ำดับบุหรี่นั้นเสีย ครั้นถูกกรรมการซักว่า หุ่นยนต์ตัวนี้คงไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปบินในงานวันลอยกระทง
article185-2เดี๋ยวจะบินไปดับธูปในกระทงเสียหมด หนูน้อยก็ตอบกลับอย่างฉะฉานทันที ว่าหุ่นยนต์ของเธอจะไม่ไปดับธูปหรอก เพราะควันธูปไม่มีสารนิโคติน  เป็นไงละครับ เด็กไทยอายุหกขวบรอบรู้มากขนาดนี้  ผู้ใหญ่ไทยควรหันมาสนับสนุนและเชื่อมั่นในเด็กไทยนะครับ  อ้อ..ยังมีอีกครับ หุ่นยนต์มีระบบ Face Recognition เมื่อเจอคนสูบบุหรี่จะมีการ์ดออกมา “เตือนและตัดแต้ม” และหากเจอคนที่สามารถเลิกบุหรี่มาได้โดยตลอดหุ่นยนต์ก็จะมีการ์ดออกมาชื่นชม

จินตนาการนั้นเป็น “เหตุใกล้” ที่นำมาด้วยขบวนการเรียนรู้อย่างวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถพัฒนาขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง (Spiral Up) เช่นที่ ปรมาจารย์ด้านเรียนรู้ Peter Senge กล่าวไว้ตามไดอะแกรม  หรือ นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล Richard Feymann ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกิดจากการจินตการหรือการเดา (Guess) เมื่อนำมาวิเคราะห๋ผ่านเครื่องมือทางคณิตศาตร์ (Compute) แล้วไปเปรียบเทียบ (Compare) กับประสบการณ์หรือการทดลอง (Experience and Experiment) ถ้าผลลัพท์สอดคล้องกันเราก็ได้ความรู้หรือทฏษฎีที่ถูกต้อง  หากขัดแย้งก็ต้องโยนสิ่งที่เราเดาไว้นั้นทิ้งไป แม้ชื่อเรื่องที่เราตั้งไว้ตอนต้นจะไพเราะเพราะพริ้งเช่นใดก็ตาม

ในทางวิทยาศาสตร์นั้นเราสนใจรายละเอียดมากกว่าชื่อที่ใช้เรียกครับ

 

 

ท่านผู้อ่านสามารถส่งข้อคิดเห็น/เสนอแนะมาที่ผู้เขียนที่ djitt@fibo.kmutt.ac.th

Categories: บทความของ ดร. ชิต เหล่าวัฒนา